มหาวิหารประดิษฐานพระไตรปิฎกหินอ่อน
แห่งเดียวในประเทศไทย
พุทธมณฑล ในเนื้อที่ ๒,๕๐๐ ไร่ สร้างขึ้นเพื่ออนุสรณ์ของความเจริญรุ่งเรื่องในพระพุทธศาสนา เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๐๐ เป็นปีที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน ล่วงเลยมาครบ ๒,๕๐๐ ปี รัฐบาลจึงได้มีดำริคิดจัดสร้างปูชนียสถานขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ของความเจริญรุ่งเรืองในพระพุทธศาสนาของประเทศไทย ในฐานที่ประเทศไทยเป็นเมืองแห่งพระพุทธศาสนา มีองค์พระประธานพุทธมณฑลเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า “พระศรีศากยะทศพลญาณประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์” มีสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล มีสวนต่าง ๆ ที่มีความสำคัญเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เช่น สวนเวฬุวัน (สวนไผ่) สวนลัฏธิวัน สวนอัมพวัน และมีอาคารสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ อีกมากมาย โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางของการจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา
ณ ที่แห่งนี้มีสิ่งสำคัญที่ควรจะกล่าวถึงเป็นอย่างยิ่ง คือ “มหาวิหารประดิษฐานพระไตรปิฏกหินอ่อน”แห่งเดียวในประเทศไทย ภายในเนื้อที่ ๙ ไร่ สาเหตุที่มี่เนื้อที่ ๙ ไร่ เพราะจัดสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๙ มหาวิหารนี้ ตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำอยู่ด้านหลังองค์พระประธานพุทธมณฑล เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก สถาปัตยกรรมไทย ลักษณะเป็นรูปทรงจัตุรมุขทั้ง ๔ ทิศ มีเจดีย์ใหญ่อยู่ตรงกลาง รายล้อมด้วยพระเจดีย์ ๙ ยอด แต่ละองค์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุ พระสารีบุตรเถระ พระมหาโมคคัลลานะเถระ พระธาตุพระสิวลีเถระ และพระผงวัดปากน้ำ ภายในอาคารเป็นสถานที่ประดิษฐานพระไตรปิฎกหินอ่อน จำนวน ๑,๔๑๘ แผ่น หรือ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์
พระไตรปิฎก หรือคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา แบ่งเป็น ๓ ปิฎก คือ
๑. พระวินัยปิฎก ว่าด้วยวินับหรือข้อบัญญัติเกี่ยวกับความประพฤติ ความเป็นอยู่ขนบธรรมเนียม และการดำเนินสังฆกิจต่าง ๆ ของพระภิกษุสงฆ์และภิกษุณีสงฆ์
๒. พระสุตตันตปิฎก ว่าด้วยสูตรหรือพระธรรมเทศนาที่ตรัสแก่บุคคลต่าง ๆ เป็นคำสนทนาโต้ตอบบ้าง การบรรยายธรรมบ้าง หรือร้อยกรองบ้าง ร้อยแก้วบ้าง ร้อยแก้วผสมร้อยกรองบ้าง ตลอดถึงเทศนาของพระสาวกองค์สำคัญ ๆ บางรูป
๓. พระอภิธรรมปิฎก ว่าถึงหลักธรรมต่าง ๆ ที่อธิบายด้านวิชาการล้วน ๆ ไม่เกี่ยวด้วยบุคคล หรือเหตุการณ์ส่วนมาก เป็นคำสอนด้านจิตวิทยา และอภิปรัชญาในพระพุทธศาสนา
การจารึกพระไตรปิฎกลงบนหินอ่อน เกิดจากดำริของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ครั้งเมื่อดำรงตำแหน่งที่ พระธรรมปัญญาบดี และคณะศิษยานุศิษย์ โดยการนำของท่านอาจารย์ตรีธา เนียมขำ ได้พิจารณาเห็นว่า เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๓๐ คณะสงฆ์และรัฐบาลได้ทำการสังคายนาพระธรรมวินับ ตรวจชำระพระไตรปิฎกทั้งภาษาไทยและภาษาบาลี ในพระบรมราชูปถัมภ์ เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระชนมพรรษา ๕ รอบ สมควรจะได้จารึกพระไตรปิฎกลงบนแผ่นหินอ่อนให้เป็นสิ่งที่คงทนถาวรยืนนาน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาเพื่อบูชาพระคุณพระมงคลเทพมุนี หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติในมงคลสมัยรัชมังคลาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงได้ดำเนินการจารึกพระไตรปิฎก จำนวน ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ เป็นภาษาบาลีลงบนแผ่นหินอ่อน ขนาดกว้าง ๑.๑๐ เมตร สูง ๒.๐๐ เมตร จำนวน ๑,๔๑๘ แผ่น ใช้งบประมาณในการจัดสร้าง ๒๐๐ ล้านบาทเศษ สมาคมศิษย์หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ให้งบประมาณในการจัดสร้าง โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ในพิธีเปิดและสมโภชพระไตรปิฎกหินอ่อน ณ พุทธมณฑล เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๔๒ นอกจากเป็นที่ประดิษฐานพระไตรปิฎกหินอ่อนแล้ว ยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับ พุทธประวัติ ประวัติการสังคายนาพระไตรปิฎก และประวัติเกี่ยวกับความเป็นมาพร้อมทั้งขั้นตอนการดำเนินงานในงานจารึกพระไตรปิฎกหินอ่อน เพื่อจะได้เป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าวิชาการทางพระพุทธศาสนา
พระไตรปิฎกเป็นมรดำอันล้ำคาที่ตกทอดมาสู่ยุคปัจจุบัน ด้วยระยะเวลาอันยาวนาน ถึง ๒๕๕๒ ปี หากสถานศึกษาใดสนใจจะนำนักเรียน นิสิต นักศึกษา หรือประชาชนชาวไทย และชาวต่างประเทศ สนใจจะเข้าไปศึกษาหาความรู้หรือหาโอกาสเข้าชมมหาวิหารประดิษฐานพระไตรปิฎกหินอ่อน ก็ขอเรียนเชิญเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โทร. ๐ ๒๔๔๑ ๙๐๐๙, ๐ ๒๔๔๑ ๙๐๑๒ ต่อ ๑๒๑๐ หรือ ๐ ๒๔๔๑ ๔๕๑๕
+ + +ร่วมกันแสดงความคิดเห็น + + +